ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทริปโปนีมา พัลลิดุม (Treponema pallidum) ที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสเชื้อ ส่วนใหญ่เมื่อได้รับเชื้อแล้วมักจะไม่มีอาการ แต่หากมีอาการ ในระยะแรกจะมีแผลที่อวัยวะเพศ มีขอบแข็ง และไม่มีอาการเจ็บปวด ระยะที่ 2 จะพบผื่นที่ลำตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า อาจจะมีปื้นสีขาวในช่องปาก (mucous patch) หรือผมร่วง โดยระยะนี้อยู่ในช่วง 6 สัปดาห์ – 6 เดือนภายหลังจากการได้รับเชื้อซิฟิลิส และอาการเหล่านี้จะหายไปเองได้ แม้ไม่ได้รักษา และจะเข้าสู่ระยะแฝง หมายถึงไม่ปรากฏอาการใดๆ ของโรค แต่สามารถตรวจพบเชื้อได้ในกระแสเลือด และซิฟิลิสระยะที่ 3 เชื้อได้แพร่กระจายไปทั่วร่างกายแล้ว ซึ่งจะส่งผลต่อระบบการทำงานของสมอง ดวงตา หัวใจ ไขสันหลัง และกระดูก ทำให้เสียชีวิตได้ ระยะนี้อยู่ในช่วง 10 ปีขึ้นไป
การรับเชื้อ
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันทางช่องคลอดหรือช่องคลอดใหม่ และทวารหนัก
- ออรัลเซ็กส์
- การสัมผัสกับแผลหรือเชื้อ โดยผ่านการจูบหรือสัมผัสบริเวณแผล
การรักษา
รักษาได้โดยการฉีดยาเบนซาทีน เพนนิซิลิน จี 2.4 ล้านยูนิต (Benzathine Penicillin G) เข้ากล้ามเนื้อ ตามปกติจะแบ่งฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพกทั้ง 2 ข้าง และควรนำคู่นอนมารักษาด้วยแม้ไม่มีอาการ ในช่วงระหว่างการรักษา และภายหลังจากการรักษาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ หรือให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งในทุกช่องทาง เนื่องจากระยะดังกล่าวยังสามารถแพร่เชื้อซิฟิลิสสู่คู่นอนได้
การป้องกัน
- ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- เข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อมีความเสี่ยง
การตรวจคัดกรอง
ตรวจโดยการเจาะเลือด สามารถทราบผลเลือดได้ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง