ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B Virus)

ไวรัสตับอักเสบบี คือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ทำให้ตับอักเสบ หากเป็นเรื้อรังจะรักษายาก และทำให้มีโอกาสเป็นโรคตับแข็ง หรือมะเร็งตับมากขึ้น ไวรัสชนิดนี้ติดต่อได้ทั้งทางเลือดและการสัมผัสสารคัดหลั่งที่มีเชื้อ ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ หรือหากมีอาการจะพบตัวเหลืองตาเหลือง อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง

การรับเชื้อ

  • จากแม่สู่ลูกในครรภ์  
  • การสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งที่มีเชื้อ เช่น เลือด น้ำลาย หรือน้ำอสุจิ
  • การโดนเข็มตำ การใช้เข็มสักหรือเจาะร่างกายและการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน

การรักษา

บางส่วนจะเป็นเฉียบพลันแล้วหายเอง ส่วนผู้ที่เป็นเรื้อรังจะต้องรักษาโดยการรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี

การป้องกัน

  • ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หากมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักควรใช้สารหล่อลื่นร่วมด้วย
  • งดเว้นการใช้เข็มร่วมกัน ทั้งเข็มฉีดยา เข็มสัก เข็มเจาะ หรือใบมีดโกน
  • ฉีดวัคซีนป้องกันหากยังไม่มีภูมิ

การตรวจคัดกรอง

หากยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ให้ตรวจคัดกรองด้วย HBsAg ทุุก 12 เดือน หากต้องการฉีดวัคซีนให้ตรวจทั้ง HBsAg และ anti-HBs ก่อนฉีดวัคซีน

  • HBsAg คือการตรวจสารก่อภูมิต้านทาน กรณี positive หมายความว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีอยู่ในร่างกาย ต้องไปพบแพทย์ เมื่อหายจากโรคแล้ว ร่างกายจะสร้างanti-HBs ขึ้นมาเอง
  • Anti-HBs คือการตรวจสารภูมิต้านทาน เป็น positive ในกรณีที่เคยติดเชื้อแล้วหายแล้ว และกรณีที่เคยฉีดวัคซีนมาแล้ว หมายความว่ามีภูมิต้านทานแล้ว ไม่ต้องฉีดวัคซีนในผู้ที่ anti-HBs positive
  • Anti-HBc มีการตรวจในบางที่ คือการตรวจสารภูมิต้านทานอีกชนิดหนึ่งที่บ่งบอกร่องรอยการติดเชื้อ มักตรวจคู่กับ HBsAg และ anti-HBs จึงให้แปลผลตามผลของ HBsAg และ anti-HBs

การฉีดวัคซีน

  • ควรตรวจทั้ง HBsAg และ anti-HBs ก่อนฉีดวัคซีน
  • วัคซีนฉีด 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1, 6
  • หากไม่มาตามนัด สามารถฉีดเข็มต่อไป ต่อเนื่องได้เลย ไม่มีกำหนดเวลา ไม่ต้องเริ่มใหม่ โดยเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ควรนัดห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ โดยเข็มที่ 2 และเข็มที่ 3 ควรนัดห่างกันอย่างน้อย 8 สัปดาห์ และโดยเข็มที่ 1 และเข็มที่ 3 ควรนัดห่างกันอย่างน้อย 16 สัปดาห์
  • ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อ HIV ก็ฉีดได้
  • เป็นหวัดไม่สบายเล็กน้อย ฉีดได้
  • เข็มที่ 1 2 และ 3 เป็นคนละยี่ห้อกันก็ได้

ภูมิจากวัคซีนอยู่ได้อย่างน้อย 30 ปี

คุณอาจสนใจสิ่งนี้:

ซิฟิลิส (Syphilis)

ส่วนใหญ่เมื่อได้รับเชื้อแล้วมักจะไม่มีอาการ แต่หากมีอาการ ในระยะแรกจะมีแผลที่อวัยวะเพศ มีขอบแข็ง และไม่มีอาการเจ็บปวด

อ่านต่อ

หนองใน (Gonorrhoea)

โดยมากผู้ชายที่ติดเชื้อจะแสดงอาการชัดเจนมากกว่าผู้หญิง อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหลจากอวัยวะเพศชาย บางครั้งมีเลือดไหลปนออกมา

อ่านต่อ

เอชไอวี (HIV)

หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้ร่างกายเกิดความเจ็บป่วยจากโรคฉวยโอกาสต่างๆ และนำไปสู่โรคเอดส์ได้ในที่สุด

อ่านต่อ

คลินิกเพื่อสุขภาพ
คนข้ามเพศแห่งแรกในไทย

เปิดบริการ

จันทร์ - เสาร์ 10.00 - 17.00 น.

รับคิวให้บริการคิวสุดท้ายก่อนเวลา 15.00 น.

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า